บริหารความเสี่ยงยุค VUCA+ ด้วย COSO-ERM
บริหารความเสี่ยงยุค VUCA+ ด้วย COSO-ERM
ภายใต้ความผันผวนทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่สะท้อนจากปัจจัยชี้วัดที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2567) ที่ต่ำกว่าประมาณการ และต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศในอาเซียน รวมถึง การตกต่ำอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย และการกดดันจากต่างประเทศ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศของเรา ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ ความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่ช่วยเพิ่มความยากให้กับการบริหารธุรกิจยุค VUCA เป็น VUCA+ ที่เรากำลังเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญให้องค์กรธุรกิจจำนวนมาก ทุกขนาด และทุกระดับ เริ่มตระหนักถึงการค้นหาเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ หรือ ERM (Enterprise Risk Management) มาประยุกต์ใช้ในองค์กร เพื่อป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบจากความเสี่ยงต่าง ๆ และช่วยสร้างเสถียรภาพ รวมถึง โอกาสทางธุรกิจให้องค์กรในระยะยาวต่อไป โดยมีกรอบการจัดการความเสี่ยงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และ Fast Mini MBA เชื่อว่าจะเป็นวัคซีนธุรกิจให้กับผู้ประกอบการและผู้บริหารธุรกิจไทยในวันนี้ ได้เป็นอย่างดี คือ COSO-ERM
COSO-ERM
COSO คือ The Committee Of Sponsoring Organization หรือคณะกรรมการของ 5 สถาบันวิชาชีพในสหรัฐอเมริกา ที่ได้ร่วมศึกษา วิจัย และพัฒนาแนวคิดการควบคุมภายใน (Internal Control Framework) อย่างเป็นระบบ เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจ ในการระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงขององค์กรธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
โดย COSO-ERM ในปัจจุบัน คือ ฉบับปรับปรุงปี 2017 ที่ได้พัฒนากรอบ (Framework) ให้สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อน ตั้งแต่ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี การเมือง ธุรกิจ หรือแม้แต่ภัยทางธรรมชาติ ภายใต้กรอบการแนวคิด 5 ด้าน ที่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลวัฒนธรรมองค์กร และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์แก่ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารองค์กรธุรกิจ คือ
1. การกำกับดูแล และสร้างวัฒนธรรมองค์กร (Governance and Culture) คือกระบวนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ภายใต้ระบบกำกับดูแลที่โปร่งใส มีการกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบที่ชัดเจน เช่น การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ที่มีหน้าที่ระบุ และรายงานความเสี่ยงทางธุรกิจต่าง ๆ แก่คณะกรรมบริหารของ Coke โดยตรง เป็นต้น
2. กลยุทธ์ และการกำหนดเป้าหมาย (Strategy and Objective-Setting) เป็นกระบวนการเชื่อมโยงการบริหารความเสี่ยงเข้ากับการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อรักษาสมดุลของเป้าหมายธุรกิจที่อาจจะมีความเสี่ยง ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร โดย Coke ได้พัฒนา Scenario Analysis สำหรับการประเมินผลกระทบทางธุรกิจจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อออกแบบแผนกลยุทธ์ธุรกิจขึ้นมารองรับ เช่น การกระจายความเสี่ยงจากเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ไปสู่เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล เมื่อลูกค้าเริ่มใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น เป็นต้น
3. การดำเนินงาน (Performance) เป็นการประยุกต์กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงในกระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ ขององค์กร ด้วยการระบุ ประเมิน และจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน เพื่อกำหนดกลยุทธ์ตอบสนองต่อความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างเหมาะสม โดย Coke ได้ออกแบบ Key Risk Indicators (KRIs) สำหรับติดตามความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างรอบด้าน และมีกลยุทธ์ตอบสนองที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพ เช่น เมื่อ KRIs แสดงให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลและวัตถุดิบอื่น ๆ ที่อาจจะมีความผันผวนในอนาคต Coke จึงนำกลยุทธ์การจัดทำสัญญาซื้อวัตถุดิบล่วงหน้ามาใช้ทันที เพื่อลดความผันผวนของราคาน้ำตาลและวัตถุดิบ เป็นต้น
4. การทบทวน และปรับปรุง (Review and Revision) คือการตรวจสอบและปรับปรุงแผนหรือกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงขององค์กรเป็นระยะ เพื่อปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง คือ ส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ที่ได้ปรับปรุงตามผลการประชุมทบทวนแผนความเสี่ยงทุกไตรมาส ของ Coke
5. การสื่อสาร และรายงาน (Information, Communication and Reporting) เป็นการสื่อสารข้อมูลความเสี่ยงให้ผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่เหมาะสม และจัดทำเป็นรายงานการบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย โปร่งใส และทันเวลา โดย Coke จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารความเสี่ยงภายในองค์กร โดยใช้รายงานที่มีข้อมูลสรุปความเสี่ยงและกลยุทธ์การตอบสนองที่ชัดเจน ส่งตรงถึงผู้บริหารระดับสูงและทีมปฏิบัติการอยู่เสมอ
การนำ COSO-ERM 2017 มาใช้ในองค์กร
เมื่อต้องการนำ COSO-ERM 2017 มาประยุกต์ให้เป็นเครื่องมือสำคัญของการยกระดับการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จะมีแนวทางปฏิบัติโดยสังเขป คือ
1. ทำความเข้าใจกรอบ COSO-ERM 2017 โดยศึกษาหลักการและกรอบแนวคิดของ COSO-ERM 2017 ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในลักษณะของการวิเคราะห์แต่ละกรอบแนวคิด กับความสอดคล้องในบริบทการดำเนินธุรกิจและความต้องการขององค์กรของเรา
2. กำหนดวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์ขององค์กร คือ การออกแบบกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ให้มีความชัดเจน เพื่อให้เราสามารถระบุความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อองค์กรของเรา
3. สร้างวัฒนธรรมการจัดการความเสี่ยง ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรมีส่วนร่วมกับการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ตั้งแต่การสร้างความตระหนักรู้ ถึงความสามารถระบุความเสี่ยง และรายงานความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย โปร่งใส และทันเวลา
4. ประเมินความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ด้วยการศึกษาและจัดทำรายการความเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกขององค์กร พร้อมทั้งการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านั้น ทั้งในด้านผลกระทบหรือโอกาสที่จะเกิดกับการดำเนินธุรกิจขององค์กร และสุดท้าย คือ การจัดลำดับความสำคัญของเสี่ยงตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่มีต่อองค์กร
5. ตอบสนองต่อความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม เป็นกระบวนการออกแบบกลยุทธ์ตอบสนองต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ขององค์กร เช่น
– การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ด้วยการกระจายการลงทุน หรือฐานการตลาดและลูกค้า เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
– การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดเงิน
– การโอนความเสี่ยง (Risk Transfer) ด้วยการถ่ายโอนความเสี่ยงไปยังบุคคลภายนอก เช่น การทำประกันภัย เป็นต้น
– การยอมรับความเสี่ยง (Risk Acceptance) เป็นการยอมรับความเสี่ยงที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ พร้อมแผนหรือกลยุทธ์ตอบสนองที่เหมาะสม
6. ติดตามและรายงานผลอย่างต่อเนื่อง เป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร หรือคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงขององค์กร สามารถปรับปรุงแผนงานหรือกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
7. บูรณาการ COSO-ERM เข้ากับการดำเนินงาน เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกรอบการดำเนินงาน (Performance) ของ COSO-ERM 2017 โดยตรง ด้วยการบูรณาการกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงกับกระบวนการทำงานขององค์กร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทั้งด้านการป้องกันหรือลดผลกระทบที่จะเกิดกับการดำเนินงานขององค์กร รวมถึง การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการตลาดแก่องค์กร
8. ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร เป็นกระบวนการหนี่งของการสื่อสารข้อมูลความเสี่ยง และการบูรณาการ COSO-ERM 2017 เข้ากับการดำเนินงานขององค์กรให้บุคลากรได้รับทราบ เพื่อยกระดับความรู้ และทักษะการดำเนินงานของพวกเขาในการขับเคลื่อนองค์กรให้มีเสถียรภาพและโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว
9. ประเมินและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจในยุค VUCA+ ที่มีพลวัตสูง จึงทำให้การประเมินความเสี่ยงขององค์กรต้องดำเนินการเป็นประจำ และคอยปรับปรุงแผนหรือกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงขององค์กรให้ทันต่อสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
การนำ COSO-ERM 2017 มายกระดับการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่นอกจากจะลดความไม่แน่นอนที่เราต้องเผชิญอย่างรอบด้านในทุก ๆ วันของการบริหารองค์กรและธุรกิจแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญของการเพิ่มขีดความสามารถให้เราสามารถบริหารธุรกิจไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งบุคลากร ผู้ถือหุ้น คู่ค้า และที่สำคัญที่สุด คือ ลูกค้าของเรา
หากเชื่อว่า COSO-ERM 2017 คือ คำตอบของการบริหารความเสี่ยงสำหรับองค์กรและธุรกิจในยุค VUCA+ ของคุณ Fast Mini MBA ขอแนะนำให้เริ่มต้นจากการศึกษากรอบ (Framework) ของ COSO-ERM 2017 ที่ www.coso.org ให้เข้าใจอย่างละเอียด สอบถามและปรึกษากับผู้รู้ที่มีประสบการณ์ตรง เพื่อปรับใช้ COSO-ERM 2017 ตามบริบทขององค์กรและธุรกิจของคุณให้ได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลเช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจระดับแนวหน้าต่าง ๆ ได้ทำและใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว