ESG ของจริง … ไม่ใช่ Trend ชั่วคราว

   ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกขณะในทุก ๆ วันที่ผ่านไป ทำให้การใส่ใจเพียงผลกำไรทางธุรกิจ อาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรในระยะยาว เพราะลูกค้าหรือผู้บริโภคเริ่มนำปัจจัยด้านความเปราะบางต่อสิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และระบบเศรษฐกิจ มาเป็นองค์ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ เลือกสนับสนุนสินค้าหรือบริการจากองค์กรธุรกิจหนึ่ง ๆ

   ESG หรือการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน เพราะเป็นแนวคิดที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ที่ไม่ได้เป็นเพียงกระแส หรือ Trend แต่ได้ยกระดับสู่ สิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่ได้จำกัดการใช้กับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่สามารถประยุกต์ ESG ให้เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่ผู้ประกอบการและผู้บริหารรุ่นใหม่ทุกคน ควรนำไปปรับใช้กับการบริหารองค์กร … ซึ่งจะส่งผลลัพธ์เชิงบวกต่อองค์กรและการดำเนินธุรกิจของคุณอย่างเหนือคาดหมาย

ESG คือ?

   มีผู้ประกอบการ และผู้บริหารธุรกิจจำนวนมาก เชื่อและเห็นว่า ESG เป็นเพียง CSR 2.0 (Corporate Social Responsibility) ที่เป็นเพียง Trend หรือ “การทำความดี” วาระหนึ่ง ๆ แต่ในความเป็นจริง เมื่อได้ศึกษาและทำความเข้าใจกับแนวคิด ESG อย่างรอบด้าน จะพบว่า ESG จัดเป็นกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก ที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือไห้กับ Brand เพราะ ESG มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับมิติต่าง ๆ ที่พวกเขาตระหนักเป็นอย่างมากในชีวิตประจำวัน คือ

สิ่งแวดล้อม (E : Environment) คือ การบริหารองค์กรธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการบริหารและจัดการทรัพยากรการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ลดการใช้พลังงาน หรือใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น และลดของเสียจากการดำเนินงาน เช่น PAC Corporation ที่พัฒนาเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการลดค่าไฟฟ้าโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ PAC มีความได้เปรียบในการแข่งขันและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเฉพาะ (Niche Market) นี้ได้สำเร็จ

สังคม (S : Social) คือ การบริหารองค์กรธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากรอย่างเป็นธรรม สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี รวมถึง การเคารพสิทธิมนุษยชน สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคม เช่น การทำธุรกิจด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของ Sense Beauty Cosmatic ธุรกิจเครื่องสำอางที่นอกจากจะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชน ด้วยการพัฒนาสินค้าจากวัตถุดิบท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกร จึงทำให้ Sense Beauty เป็น Brand เครื่องสำอางที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพของสินค้า และเรื่องราวที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

ธรรมาภิบาล (G : Government) คือ การให้ความสำคัญกับการบริหาร และการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งจัดเป็นกลไกสนับสนุนกลยุทธ์เชิงรุกของ ESG เพื่อการเข้าถึงเงินทุนและพันธมิตรธุรกิจขององค์กรธุรกิจยุคใหม่ได้  ง่ายและมากขึ้น เช่น Take Me Home Tomato ผู้ผลิตมะเขือเทศคุณภาพสูง ที่แสดงให้เห็นว่าการทำ ESG ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือยุ่งยาก เพียงเลือกที่จะทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้ความเคารพต่อความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมกับการบริหารงานและธุรกิจด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในที่มาและคุณภาพสินค้าของ Take Me Home Tomato เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อเนื่องไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และพันธมิตรตลอดห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย

ประโยชน์ของ ESG ต่อความยั่งยืนขององค์กรธุรกิจ

   ดังได้กล่าวในข้างต้นโดยสังเขป เราสามารถวิเคราะห์โอกาสหรือประโยชน์ที่องค์กรธุรกิจจะได้รับ เมื่อประยุกต์ใช้ ESG เป็นกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก คือ

  1. เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นเพราะในมิติที่ ESG ให้ความสำคัญกับการบริหารและการดำเนินงานที่โปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล จะช่วยเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือให้องค์กรมีความน่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศรวมไปถึง การสนับสนุนและความร่วมมือจากพันธมิตรธุรกิจ
  2. สร้างลูกค้าใหม่ และรักษาความภักดีให้กับ Brand เพราะลูกค้าโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความใส่ใจต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้น องค์กรธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดของ ESGย่อมมีภาพลักษณ์เชิงบวกในสายตาของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว สร้างความเชื่อมั่นให้พวกเขาเป็นลูกค้าประจำ ที่มี Brand Loyaltyในที่สุด
  3. 3. ดึงดูด และรักษาบุคลากรคุณภาพเมื่อองค์กรวางรากฐานการบริหารด้วยแนวคิด ESG จะเกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกภายในองค์กร จากวัฒนธรรมองค์กรที่น่าพึงพอใจสำหรับบุคลากรทุกระดับ ลดอัตราการเปลี่ยนงาน (Turnover Rate) และสร้างแรงดึงดูดบุคลากรคุณภาพรุ่นใหม่ ๆ มาสู่องค์กรได้ง่ายและมากขึ้น
  4. 4. ลดความเสี่ยงทางธุรกิจเพราะสังคมโลกที่ตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสังคมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากพัฒนาการของแต่ละสังคมผ่านกระบวนการทางกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และการจ้างงาน ดังนั้น การประยุกต์ ESG ในการดำเนินธุรกิจขององค์กร จึงนับเป็นการจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสินทรัพย์ และที่สำคัญ คือ ภาพลักษณ์ (Image) ขององค์กรต่อสังคมอย่างมีนัยสำคัญ

การติดตั้ง ESG ในองค์กร

   ดังได้กล่าวในข้างต้น ว่า ESG ไม่ได้เป็นแค่ Trend หรือแนวคิดที่จำกัดการใช้เฉพาะในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น เพราะองค์กรธุรกิจระดับ SMEs ที่ต้องการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานแก่องค์กรอย่างยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตั้งแนวคิดหรือประยุกต์ใช้ ESG ให้เป็นกลยุทธ์ธุรกิจขององค์กร โดยเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่ผู้นำองค์กรต้องมีความเข้าใจ เล็งเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นของ ESG กับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการติดตั้ง ESG ในองค์กร ดังนี้

  1. ประเมินสถานะปัจจุบันด้วยการสำรวจและศึกษาพื้นฐานการดำเนินธุรกิจขององค์กร กับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
  2. กำหนดเป้าหมายด้วยการเลือกสิ่งที่คิดว่ามีความสำคัญ และองค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง เช่น การตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณขยะพลาสติกในองค์กรให้เหลือ ร้อยละ 50 ภายใน 1 ปี เป็นต้น

   ทั้งนี้ ควรเริ่มต้นกำหนดเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในองค์กร ก่อนจะขยายสู่การรณรงค์ด้าน ESG ขององค์กรสู่ภายนอก ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมต่อไป

  1. ประยุกต์ใช้ ESG ในองค์กรด้วยการเริ่มต้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ESG ที่กำหนด เช่น การลดปริมาณขยะพลาสติก การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า การจัดสวัสดิการที่เหมาะสมแก่บุคลากร และการสร้างระบบการทำงานที่โปร่งใส มีนโยบายต่อต้านการทุจริตที่ชัดเจนเป็นต้น
  2. สื่อสารสู่สังคมอย่างโปร่งใสคือ การนำการประยุกต์ ESG ในองค์กร ไปสู่การรับรู้ของสังคม ผู้มีส่วนได้เสีย และที่สำคัญ คือ ลูกค้า ด้วยการสื่อสารในรูปแบบ Storytellingที่จะทำให้ ESG เป็นกลยุทธ์เชิงรุกทางธุรกิจที่ยั่งยืนแก่องค์กร
  3. ทำต่อเนื่อง และปรับปรุงประสิทธิภาพESGเพราะ ESG ไม่ใฃ่ Trend หรือ CSR 2.0 แต่เป็นกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุกขององค์กร ดังนั้น การสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความเชื่อมั่นแก่องค์กรอย่างยั่งยืน จึงต้องทำ ESG อย่างจริงจังด้วยการปรับปรุงการดำเนินงานด้าน ESG ขององค์กรอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ

 

   ในความเป็นจริง ESG ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ได้เป็นภาระที่ต้องทำเพิ่ม แต่เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจขององค์กรมีความมั่นคงขึ้น เพราะองค์กรธุรกิจที่มี ESG เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่ชัดเจนและมีการดำเนินงานอย่างจริงจัง จะเป็นที่ยอมรับทั้งต่อลูกค้า บุคลากร พันธมิตร นักลงทุน ชุมชน และสังคม ดังนั้น เราจึงควรเริ่มต้นประยุกต์และสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ด้วย ESG จากสิ่งเล็ก ๆ ที่สอดคล้องกับธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล เช่น การลดปริมาณขยะ การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า หรือการดูแลบุคลากรให้มีความสุขกับการทำงานในองค์กร สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับองค์กรธุรกิจของคุณได้

แล้วองค์กรของคุณ พร้อมที่จะเริ่มต้นบนเส้นทาง ESG หรือยัง?