เครื่องมือการตลาด MVP (สำหรับผู้เริ่มต้น) คือ เรียบง่ายที่สุด
เครื่องมือการตลาด MVP (สำหรับผู้เริ่มต้น) คือ เรียบง่ายที่สุด
Minimum Viable Product หรือ MVP ที่ Fast Mini MBA ได้เคยนำเสนอในภาพรวมถึงความเหมาะสมสำหรับการใช้เป็นเครื่องมือทดสอบสินค้าหรือธุรกิจใหม่ ที่ไม่เน้นการทุ่มเททรัพยากรด้านเงินทุน บุคลากร เทคโนโลยี และเวลาอย่างเต็มที่ เต็มรูปแบบ แต่มุ่งเน้นการเข้าถึงการทดสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางธุรกิจและการตลาดของสินค้าหรือธุรกิจที่ทดสอบด้วย MVP เป็นหลัก ภายใต้คำว่า “เรียบง่ายที่สุด” โดยมี Startup จำนวนมากใช้ MVP เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจ จากศูนย์สู่ธุรกิจระดับพันถึงหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เช่น Airbnb หรือ Dropbox ที่เรารู้จักเป็นอย่างดี
Fast Mini MBA จึงเห็นว่าควรจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ MVP เป็นเครื่องมือทดสอบ Idea ธุรกิจสำหรับผู้บริหารธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือ Startup ให้รู้จักและเข้าใจแนวคิดของ MVP เพิ่มเติม ตั้งแต่การจำแนกประเภทของ MVP องค์ประกอบที่ต้องมีในทุก MVP และแนวทางการประเมินผล รวมถึง ข้อควรตระหนักกับการใช้ MVP ในแบบฉบับของ Fast Mini MBA
ประเภทของ MVP
MVP ไม่ได้มีรูปแบบเดียวตายตัว แต่สามารถจำแนกหรือแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ตามลักษณะ วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของสินค้าหรือธุรกิจที่เราต้องการทดสอบความเป็นไปได้ทางธุรกิจ โดยแบ่งเป็น
- Concierge MVPเป็นรูปแบบการทดสอบความต้องการของลูกค้า โดยมีบุคลากรของเราเป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าหรือธุรกิจใหม่กับลูกค้าโดยตรง จึงเป็น MVP ที่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อเก็บและรวบรวมข้อมูลความต้องการของลูกค้าหรือตลาด ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เป็นแนวทางพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจ เช่น ในระยะแรกของการจะเพิ่มช่องทางหน้าร้าน Online และระบบe-Commerce ของ Pamelo Fashion มีจุดเริ่มต้นจากการให้พนักงานขายประจำร้าน เป็นผู้ให้คำแนะนำช่องทางการเลือกสินค้าจาก Catalogue ก่อนที่จะมีการจัดส่งสินค้าให้ถึงบ้านลูกค้าในภายหลัง เพื่อเป็นการจัดเก็บข้อมูลความต้องการและข้อเสนอแนะของลูกค้า จนได้บทสรุปสำหรับการพัฒนาหน้าร้าน Online และระบบ e-Commerce ของ Pomelo อย่างเต็มรูปแบบในเวลาต่อมา
- Wizard of Oz MVPเป็นรูปแบบการพัฒนา MVP ที่เสมือนเป็นสินค้าหรือธุรกิจที่เราได้พัฒนาแล้วเสร็จสมบูรณ์ เพื่อทดสอบความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย พร้อมไปกับการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจใหม่ควบคู่ไปในเวลาเดียวกัน เช่น ธุรกิจผู้ให้บริการระบบบัญชีFlowAccount ที่เปิดให้บริการระบบบัญชี Online ผ่าน Website โดยที่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ สามารถใช้งานระบบบัญชี Online ของ FlowAccount ได้จริง หากแต่ในเบื้องหลังการทำงานของระบบดังกล่าว ยังเป็นการบันทึกและจัดทำบัญชีโดยบุคลากรของ FlowAccount เป็นต้น
- Single-Feature MVPเป็นการพัฒนาMVP โดยให้ความสำคัญกับจุดขายที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุดเพียงเรื่องเดียว ซึ่ง MVP ประเภทนี้ จะเหมาะกับสินค้าหรือธุรกิจที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เช่น Grab ที่เริ่มธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เลือกที่จะทำ MVP ให้เป็น Application เรียกรถ Taxi ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในขณะนั้นเท่านั้น ก่อนที่จะขยายรูปแบบการบริการของธุรกิจ Grab ไปยังด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม เข่น บริการรับส่งพัสดุ และอาหาร เป็นต้น
- Landing Page MVPเป็นการสร้างช่องทางผ่านสื่อ โดยเฉพาะสื่อ Digital และสื่อสังคม Online เพื่อนำเสนอสินค้าหรือธุรกิจใหม่ ให้ผู้ใช้หรือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-Order) บน Landing Page นั้น ๆซึ่งการทำ MVP ดังกล่าว จะทำให้เราสามารถวัดผลความสนใจของลูกค้าได้ล่วงหน้า และใช้เป็นแนวทางการพัฒนา ปรับปรุง หรือกำหนดกระบวนการพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจใหม่ให้เหมาะสม ก่อนวางตลาดสินค้าหรือเปิดตัวธุรกิจในตลาด เช่น การทำ Pre-Order หนังสือประเภทต่าง ๆ ของสำนักพิมพ์จำนวนมากในสื่อสังคม Online ในปัจจุบันนี้
- Explainer Video MVPเป็นการทำ MVP ด้วยการจัดทำเป็น Clip Video ที่จะอธิบายแนวความคิด (Concept) คุณสมบัติ วิธีใช้งาน และประโยชน์ที่ผู้ใช้หรือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะได้รับจากสินค้าหรือธุรกิจใหม่ของเรา เช่น Drew Houston ได้เริ่มต้นธุรกิจจากการจัดทำ Clip Video อธิบายถึงวิธีแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้ที่มีความต้องการ Sync. File งานระหว่าง Computer แต่ละเครื่องให้ได้อย่างราบรื่น และเผยแพร่ใน Website ที่เป็นชุมชนผู้ใช้กลุ่มเป้าหมายของเขา จากนั้นไม่นาน จึงมี Dropbox ที่ได้กลายมาเป็นธุรกิจมูลค่ากว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน
องค์ประกอบ “ต้องมี” ในการพัฒนา MVP
จากรายละเอียดของ MVP แต่ละประเภทในข้างต้น เราจะพบว่าในการพัฒนา MVP เพื่อทดสอบ Idea ทางธุรกิจให้กับสินค้าหรือธุรกิจใหม่ของเรา จะมีองค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการพัฒนา MVP คือ
- มีเป้าหมายของ MVP ที่ชัดเจน โดยจะต้องให้ความสำคัญกับจุดขายของสินค้าหรือธุรกิจเกี่ยวกับความสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ชัดเจน เช่น เมื่อต้องการพัฒนาApplicationระบบรับชำระเงิน Online เราควรให้ความสำคัญกับการทำให้ระบบรับชำระเงิน Online ของเราเป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัยสำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น
- กลุ่มเป้าหมายของการทดสอบ Idea ด้วยMVPต้องชัดเจน เพื่อให้เราสามารถพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้มากที่สุด
- เลือกประเภท MVP ที่เหมาะสมกับเป้าหมายของการทำ MVP และกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือธุรกิจใหม่ของเรา เช่น การใช้ Landing Page MVP ของ Agoda เพื่อทดสอบความสนใจของตลาดในการจองโรงแรมหรือที่พัก Online ก่อนที่จะพัฒนาระบบรับจองโรงแรมและที่พักอย่างเต็มรูปแบบในภายหลัง
- การพัฒนา MVP ต้องไม่ลืมคำว่า “เรียบง่ายที่สุด” แล้วจึงเปิดตัวหรือเผยแพร่สู่ลูกค้าหรือผู้ใช้กลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือธุรกิจ เพื่อเริ่มต้นเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สู่การวิเคราะห์และประเมินผล MVP ต่อไป
- การวิเคราะห์และประเมินผล MVP เพื่อเลือกที่จะหยุด หรือไปต่อ และไปต่อในแนวทางใด ที่จะตอบโจทย์และความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราสามารถประเมินผล MVP ได้จากดัชนี (Indicators)ต่าง ๆ เช่น
– จำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งรวมถึงผู้แสดงความสนใจผ่านการลงทะเบียนรับข้อมูลเพิ่มเติม และ Pre-Order
– ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
– อัตราการเปลี่ยนแปลงจากผู้สนใจ เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือธุรกิจใหม่ของเรา
– รายได้ จากการจำหน่ายสินค้าหรือบริการผ่าน MVP ของเรา
ความท้าทาย และข้อผิดพลาดที่จะ “พบ” จากการทำ MVP
ถึงแม้ว่า MVP จะเป็นแนวคิดของการทดสอบ Idea ธุรกิจที่ดี สามารถลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสให้เราสามารถทดลอง ทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาดและธุรกิจแก่สินค้าหรือธุรกิจใหม่ได้มาก จนกระทั่ง ค้นพบสินค้าหรือธุรกิจที่ใช่ ตอบโจทย์ทางการตลาดได้ในที่สุด แต่เรามักพบความท้าทาย และข้อผิดพลาดในการทำ MVP ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์พัฒนาสินค้าหรือธุรกิจใหม่ของเราได้ คือ
– เป้าหมายของการทำ MVP ไม่ชัดเจน จีงอาจจะส่งผลให้เกิดความผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนตั้งแต่กระบวนการพัฒนา MVP ถึงการวิเคราะห์และประเมินผลในที่สุด
– การพัฒนา MVP ให้ซับซ้อนเกินไป หรือละเลยคำว่า “เรียบง่ายที่สุด” โดยพยายามที่จะเพิ่มเติมหรือบรรจุคุณสมบัติต่าง ๆ ของสินค้าหรือธุรกิจใหม่ลงไปใน MVP มากเกินจำเป็น
– การละเลยข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งาน หรือลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าว มีความสำคัญต่อการพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจใหม่ของเรามากที่สุด
– การยึดติดกับ MVP มากเกินไป ทั้งที่ MVP เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสินค้าหรือธุรกิจของเราเท่านั้น และควรที่จะมีความพร้อม ความยืดหยุ่น ในการปรับหรือเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย รูปแบบ และคุณสมบัติของสินค้าหรือธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอยู่เสมอ เช่น LINE MAN Wongnai ที่ยังคงให้ความสำคัญกับข้อเสนอแนะของลูกค้า เพื่อการปรับปรุง Application และการบริการอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
MVP เป็นเครื่องมือที่ได้รับการยืนยันจากความสำเร็จของธุรกิจจำนวนมากในวันนี้ ที่เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ อย่างเรียบง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรด้านเงินทุน บุคลากร หรือเวลาจำนวนมาก เพียงแค่เราสามารถถ่ายทอดเป้าหมายในการตอบสนองความต้องการหนึ่ง ๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราได้ผ่าน MVP และให้ความสำคัญกับข้อมูล ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นของผู้ใช้หรือลูกค้า เพื่อการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้ MVP ของเรา ให้เป็นสินค้าหรือธุรกิจใหม่ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางธุรกิจในอนาคตต่อไป
โดยกฎสำคัญที่เราต้องไม่ลืม ของ MVP คือ “เรียบง่ายที่สุด”