SMEs Survival Kit : ความคล่องตัวทางธุรกิจ (Business Agility)
บทความหากวันนี้ เรา คือ ผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจผลไม้แปรรูป เพื่อการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศเป็นหลัก เมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาด หรือมีกำแพงภาษีในประเทศผู้นำเข้าสินค้าของเรา โดยไม่มีเวลาให้เตรียมแผนสำรองรองรับ แต่เราเลือกที่จะ
– เปลี่ยนช่องทางจัดจำหน่าย จากที่เคยให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศ แล้วหันมาเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ ผ่านระบบ e-Commerce และช่องทาง Online อื่น ๆ
– พัฒนาสินค้าใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เช่น การปรับเปลี่ยน Packaging ที่เหมาะกับการบริโภคในครัวเรือนคนรุ่นใหม่
– สร้างความร่วมมือ ด้วยการสร้างพันธมิตรธุรกิจ ทั้งภายในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของเรา และในระบบ Logistics เพื่อให้สามารถจัดส่งสินค้าสู่มือลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น
แนวทางต่าง ๆ เหล่านี้ นอกจากจะทำให้เราข้ามพ้นสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ทางธุรกิจ ยังอาจจะทำให้เรามีตลาดและฐานลูกค้าใหม่ในประเทศสำหรับธุรกิจผลไม้แปรรูปอีกด้วย … และเป็นตัวอย่างสะท้อนคุณสมบัติความเป็นผู้นำที่มีแนวคิด Business Agility หรือความคล่องตัวทางธุรกิจ ที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ในวันที่โลกธุรกิจอยู่ภายใต้ความผันผวนรอบด้าน มีความเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้รออยู่ ในแบบ VUCA ทั้งยังมี Digital Disruption เป็นปัจจัยเสริมความยุ่งยากกับเรายิ่งขึ้นในแต่ละวัน
เพราะการทำธุรกิจยุคนี้ไม่ใช่การวางแผน 3 – 5 ปีแล้วเดินตาม แต่ คือ การถามตัวเองทุกวันและเดือน ว่า
“ถ้าเจอพายุลูกใหม่ เราจะหันเรือทันหรือไม่?”
Business Agility คือ?
Business Agility คือ ความสามารถขององค์กรในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า หรือระดับความรุนแรงของการแข่งขันในตลาด ฯลฯ ซึ่งความคล่องตัวทางธุรกิจตามแนวคิด Business Agility ไม่ใช่ Agile เพราะมีบริบทที่ครอบคลุมทุกส่วนขององค์กร ตั้งแต่ระดับผู้นำ ถึงบุคลากร และกระบวนการทำงาน ในรูปแบบที่ฝังตัวในวัฒนธรรมองค์กร ให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวต่อทุก ๆ สถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ขณะที่ Agile เป็นวิธีการทำงาน หรือ Framework ที่ใช้ในการจัดการโครงการ โดยเฉพาะในวงการพัฒนา Software เช่น Agile Scrum หรือ Agile Kanban ซึ่งมีกฎเกณฑ์และขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน เป็นชุดของหลักการ หรือกรอบการทำงานที่เน้นความรวดเร็วและยึดหยุ่น โดยเราสามารถนำ Agile มาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาองค์กรให้ทันยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้ ดังที่ Fast Mini MBA ได้เคยกล่าวถึงใน “Agile พลังขับเคลื่อนองค์กรให้ทัน AI ในยุค VUCA” แต่ไม่ได้มีบริบทครอบคลุมถึงการสร้างความคล่องตัวทางธุรกิจตลอดทั้งองค์กรเช่น Business Agility
ทำไม? Business Agility จึงสำคัญและจำเป็นกับการบริหารธุรกิจ
มีกรณีศึกษาฉบับ Classic ในวงการธุรกิจที่นำ Business Agility มาประยุกต์ใช้ในระดับองค์กร คือ Spotify ที่พวกเขาไม่ได้ใช้แค่ Agile สำหรับการพัฒนาธุรกิจให้ทันกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีและพฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้ใช้ทั่วโลกเท่านั้น แต่ Spotify ได้สร้างรูปแบบการทำงานที่เรียกว่า “Spotify Model” โดยแบ่งการทำงานออกเป็น Squads และให้แต่ละ Squads มีอิสระในการตัดสินใจต่องานที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ Spotify สามารถพัฒนา Feature ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เมื่อต้องการให้องค์กรในความรับผิดชอบของเรามีความคล่องตัวต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเฉพาะในปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงจากพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่จะส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เราจึงไม่สามารถที่จะมองข้ามความสำคัญและจำเป็นที่ต้องมี Business Agility เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของเรา
โดยการสร้างหรือเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจดังกล่าว ไม่ได้เป็นแนวคิดสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง Spotify เท่านั้น แต่มีความเหมาะสมอย่างมากกับทุก ๆ องค์กรในโลกธุรกิจปัจจุบัน ที่อยู่ภายใต้ความกดดันของ VUCA โดยเฉพาะในธุรกิจระดับ SMEs ที่อาจจะนำความสามารถด้านการปรับตัวเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เป็นจุดแข็ง (Strengths) เพื่อสร้างโอกาส (Opportunity) ทางธุรกิจและการตลาดเพิ่มขึ้น เพราะวันนี้ขนาดขององค์กรที่ใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า ไม่ได้ยืนยันว่าพวกเขาจะผ่านยุค VUCA ได้ แต่องค์กรธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็วกว่า และเร็วที่สุดต่างหากที่จะเป็นผู้ชนะในโลกธุรกิจ
4 เสาหลักของ Business Agility
คือ การประยุกต์หรือนำแนวคิด Business Agility ให้เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของเรา ที่ไม่ได้มีความยุ่งยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง และที่สำคัญ คือ ไม่ได้จำกัดการใช้กับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรมากมาย แต่เหมาะสมอย่างยิ่งกับองค์กรธุรกิจระดับ SMEs ที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ด้วย 4 เสาหลักของ Business Agility คือ
- เริ่มที่ผู้นำซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ Fast Mini MBA ได้กล่าวถึงทุกครั้งในทุกความต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในองค์กร เช่นเดียวกับการสร้างความคล่องตัวทางธุรกิจที่ผู้นำองค์กร ต้องเป็นผู้จุดประกายความเปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและจำเป็นที่องค์กรต้องมีวัฒนธรรมใหม่ ที่เป็น Business Agility
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรในองค์กรทุกระดับ และทุกคน มีความ “กล้า”ที่จะทดลองและเรียนรู้ที่จะนำผลการทดลองที่ได้รับมาเป็นบทเรียน เพื่อการพัฒนาและยกระดับองค์กร
- ปรับโครงสร้างองค์กรให้ยืดหยุ่นด้วยการลดขั้นตอน สายการบังคับบัญชาที่ซับซ้อน แต่มอบหมายการตัดสินใจได้อย่างอิสระให้กับบุคลากร พร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น เช่นเดียวกับ Squads ใน Spotify Model ที่ได้กล่าวถึงในข้างต้น
- ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) ด้วยการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคและการตัดสินใจซื้อของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย พร้อมรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลงธุรกิจ สินค้า หรือบริการของเราให้ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าได้ทันที
ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นสิ่งเหนือความคาดหมายในโลกธุรกิจอีกต่อไป การมีคุณสมบัติความคล่องตัวทางธุรกิจ หรือ Business Agility นับเป็นหนึ่งในแนวคิดที่สามารถเพิ่มโอกาสอยู่รอดให้กับองค์กรธุรกิจของคุณ ที่พร้อมรับมือทุกความท้าทายในอนาคต
Business Agility คือ ก้าวแรกของชุดบทความ (Series) SMEs Survival Kit ที่ Fast Mini MBA เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือ และ “อาวุธลับ” ให้กับผู้ประกอบการและผู้บริหารธุรกิจ SMEs สู่อนาคตที่คุ้มค่ากับความท้าทายที่รออยู่

